MJ the Random Journey - Europe : Sweden PART 1-2 : Stockholm (ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปคนเดียว 40 วัน ภาค 1-2 สวีเดน : สต๊อกโฮล์ม)

September 07, 2015

MJ the Random Journey in Europe
"Sweden" PART 1-2
วันที่สองที่สต๊อกโฮล์ม เดินๆ เที่ยวๆ 
และค้างคืนกับคนแปลกหน้าจาก couchsurfing! 

all goes in Thai language :)


วันนี้รีบตื่นแต่เช้าเพราะมีนัดกับเพื่อนใหม่คนนึงที่ติดต่อกันทาง couchsurfing.com แต่เป็นหนึ่งในคนที่ติดต่อกันเพื่อไปเที่ยว ไม่ได้ไปค้างคืน (คนที่จะไปค้างด้วยจะเจอกันตอนเย็น) คนนี้เป็นป้าชื่อไอด้า อายุประมาณห้าสิบกว่าๆ เลยขอเรียกป้าหน่อยเนอะ แหะๆ เท่าที่เราอ่านโปร์ไฟล์และเรฟฯ ของป้าในเว็บ ดูจะมีคนชอบเยอะและป้าก็พาคนเที่ยวมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ก่อนหน้าที่เราจะมาถึงสต๊อกโฮล์มป้าก็ช่วยหาข้อมูลและส่งเว็บไซต์ของมิวเซียมและสถานที่ต่างๆ ให้เราได้ทำการบ้าน และทุกข้อมูลมีประโยชน์และช่วยได้เยอะมากสำหรับคนมาเที่ยวคนเดียวแบบเรา เรานัดกันที่ Wasa Museum อยู่บนเกาะที่ชื่อ Djurgarden ตอนสิบโมง แต่พอไปถึงก็พบว่าวาซ่ามิวเซียมคนต่อคิวเข้าเยอะมากกก แถวยาวมากกกกจนเรารู้สึกว่าขี้เกียจรอ


Nordiska Museet 



ป้าเลยบอกว่างั้นเราไปที่อื่นกัน ระหว่างนี้เราก็เดินเล่นกันไปก่อน Djurgarden สวยมาก เราเดินเล่นกันริมน้ำ ป้าชอบเล่านู่นนี่ให้ฟัง ชี้นู่นนี่ว่านี่คืออะไร เรือนี้คืออะไร มีใครอยู่บ้าง เราชอบที่สต๊อกโฮล์มมีเรือเยอะแยะ และคนก็อยู่ในนั้นจริงๆ เรือบางลำก็เป็นพิพิธภัณฑ์ แต่เราไม่ได้เข้าไปดู


so many ships

but not to wreck!

view from ferry



 เราเดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ เดินผ่าน ABBA Museum แอบกรี๊ดเบาๆ จริงๆ ชอบมาก แต่เราเข้าไปดูแค่ในช็อป ซึ่งของแพงมาก และไม่ได้เข้าไปดูในส่วนของมิวเซียม แอบรู้สึกว่าจะกลับมาดูในวันข้างหน้า แล้วเราก็เดินผ่านสวนสนุกที่ชื่อ Gröna Lund และไปขึ้นเรือข้ามฟากเพื่อจะไปยังเกาะที่ชื่อว่า Skeppsholmen






พอเราข้ามฟากมาแล้วก็มุ่งหน้าไปยัง Museum of Modern Art ข้างในมีงานศิลปะหลากหลายและโมเดิร์นจริงๆ เราอ่านรีวิวมา หลายคนไม่ชอบ แต่เรารู้สึกว่าโอเค ไม่ได้ปลื้มมากแต่เราก็ชอบ เดินดูเพลินๆ ดี ค่าเข้ามิวเซียมของที่นี่ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100 - 120 SEK (คูณสี่เป็นเงินไทย) ทุกที่ เราใช้บัตรนักเรียนที่ไปทำมาที่ถนนข้าวสาร ใช้ลดได้เยอะอยู่เหมือนกัน แต่ลดเท่าไหร่ก็แล้วแต่มิวเซียมแต่ละที่ แต่มีประโยชน์ ใครที่จะไปเที่ยวเมืองนอกแนะนำให้ทำอย่างที่เค้าว่า คุ้มจริงๆ ฮ่าๆ









หลังจากเดินดูที่นี่เสร็จเราก็ไปหาอะไรกินกันในเมือง ไปในย่านแถวๆ T-Centralen น่าจะเรียกได้ว่าเป็นย่านใจกลางเมือง มีร้านอาหารและคาเฟ่มากมาย พอกินเสร็จเราก็เดินเล่นแถวๆ นั้นนิดหน่อย เราเจอร้านซีดีเลยรีบเข้าไปด้วยความดีใจ เพราะด้วยความบ้าดนตรีของเราแล้วย่อมอยากมาแสวงหาที่เมืองนอก ร้านซีดีเมืองไทยมีเพลงไม่ค่อยหลากหลายและค่อนข้างตลาด มานี่เลยกวาดซีดีของศิลปินที่ชอบกลับไปหลายแผ่นอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนซีดีจะเป็นสิ่งเดียวที่เรายอมควักตังค์ออกมาจ่ายโดยไม่ต้องคำนวณหรือคิดอะไรมากเลย เพราะเราชอบจริงๆ


what I ate

Tove Styrke, I'm a fan! haha!



พอซื้อเสร็จแล้วเรามีเวลาไม่มากนักเพราะอีกไม่นานก็จะเย็นแล้ว เราเลยไปต่อกันที่ Museum of Medieval Stockholm ที่นี่เข้าฟรี และดีมากๆ เราชอบมาก เป็นมิวเซียมที่บอกเล่าถึงความเป็นเมดิวัล และสวีเดนในยุคเมดิวัล มิวเซียมทำดีและเพลิดเพลินมาก เราอยู่ในนั้นประมาณชั่วโมงกว่าๆ ได้ แล้วก็ออกมา






ตอนนั้นฝนทำท่าว่าจะตก ป้าไอด้าเลยหยิบเสื้อกันฝนออกมา 2 ตัว ป้าแกบอกว่าเอามาเผื่อเรา ป้าใจดีและรอบคอบมาก แต่ในที่สุดฝนก็ไม่ตกและเราก็ไม่ได้ใช้ ป้าพาเราลงซับเวย์ไปดูศิลปะของสถานีต่างๆ บางสถานีที่นี่จะมีการประดับตกแต่งในรูปแบบต่างๆ กันไป สวยงามและแปลกตามาก แต่เสียตรงไม่ค่อยมีแสงเท่าไหร่ ในซับเวย์จะมืดๆ แต่ของจริงสวยและมีธีมและความเป็นมาไม่เหมือนกันในแต่ละสถานี พอเสร็จแล้วป้าก็พามาลงที่สถานี Hotorget ที่พักของเรานั่นเอง ป้าพาเดินไปดูโรงโอเปร่าที่มีการแสดงคอนเสิร์ทเล็กๆ อยู่ เป็นหนุ่มๆ สาวๆ วัยรุ่นมาร้องเพลง คนดูก็ไม่น้อยเลย เราไม่มีเวลามากเลยไม่ได้นั่งดู ด้านนอกมีตลาดขายของมือสอง ป้าบอกว่าวันนี้ไม่ค่อยมีอะไร ปกติบางวันจะมีของเจ๋งๆ มาขาย แต่วันนี้กากๆ ป้าบอก เราเลยไม่ได้เดินดู จนป้าเดินพาไปส่งแถวๆ โฮสเทล เราบอกลากันเล็กน้อยและขอบคุณในความใจดีของป้าไอด้า ดีใจมากๆ ที่ได้เจอคนดีๆ อีกหนึ่งคน ได้มีคนพาเที่ยวและเพื่อนคุยทำให้หายเหงา

Stockholm, the apple of my eye



เรากลับเข้าโฮสเทลแล้วนั่งพักไม่นานก็รีบออกมา วันนี้เช็คเอาท์ตั้งแต่เช้าแล้ว เพราะเย็นนี้เรามีนัดกับมิแรนด้า เพื่อนใหม่อีกคนที่จะไปค้างที่บ้านเธอ เราตกลงกันว่าจะไปค้างสองคืน เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีมาก ใครที่ไม่เคยเราแนะนำให้ลองใช้ couchsurfing.com รับรองว่าดี ประหยัด ส่วนเรื่องปลอดภัยอันนี้ต้องดูเอง เราต้องดูจาก reference ของเค้าว่ามีใครมาเขียนอะไรยังไงบ้าง แต่การมีเรฟเยอะก็ไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป (เพื่อนบอกมาอีกที) แต่จากที่เราเจอมา ถ้าเราดูดีๆ คุยกับเค้าดีๆ ตกลงกันดีๆ ทุกอย่างโอเคค่ะ

เรานัดเจอกับมิแรนด้าที่สถานี St.Eriksplan ซึ่งอยู่ห่างจากเราแค่ 2 สถานี พอมิแรนด้ามาถึงเราก็กอดกันตามธรรมเนียม แอบอึ้งในความสวยของนางเล็กน้อย คือสวยมากกกกกกกกกกกกก สวยแบบแอบกรี๊ดในใจเบาๆ แต่ก็ทำนิ่งๆ ไว้ มิแรนด้าน่ารัก ยิ้มแย้ม แต่ก็ดูเป็นคนเงียบๆ เธอพาเราเดินไปที่พักของเธอซึ่งไม่ไกลจากสถานีมาก ประมาณ 5 นาทีก็ถึง เธอบอกว่าเพิ่งกลับมาจากเมืองไทย ไปเที่ยวมาแถวเกาะทางภาคใต้ เราถามว่าชอบเมืองไทยมั้ย เธอบอกว่าชอบ แต่แอบบ่นที่พอคนไทยเห็นว่าเป็นฝรั่งแล้วก็โดนชาร์จราคาอะไรต่างๆ เยอะแยะไปหมด ซึ่งเราก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ไม่กล้าพูดอะไรต่อเพราะมันคือความจริง ฮ่าๆ พอมาถึงบ้าน มิแรนด้าก็แนะนำห้องต่างๆ ห้องครัว ห้องนอน เธออยากนอนตรงไหน มีในห้อง และนอกห้อง เป็นโซฟาที่กางออกมาเป็นเตียงได้ เราบอกว่านอนข้างนอกก็ได้ เกรงใจเธอ แต่ในที่สุดเธอก็ให้เรานอนในห้องซึ่งเป็นเตียงใหญ่น่านอน เธอปูผ้าปูที่นอนและใส่ปลอกหมอนให้เรา ซึ่งเรายิ่งเกรงใจเข้าไปใหญ่ เลยช่วยเธออีกแรง และพอทุกอย่างเข้าที่แล้วเธอก็ขอตัวนั่งทำงานและอ่านหนังสือเตรียมสอบ เราเลยไปนั่งเล่นคอมในครัว ตอนนั้นแอบรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะบางครั้งเธอเงียบมาก เงียบจนเราเกรงใจมากกกก เรามาขอเค้าอยู่เราเลยไม่กล้าทำอะไรมาก แต่นั่งพักนั่งเล่นได้สักสองชั่วโมง เธอก็ถามว่าหิวมั้ย ออกไปหาอะไรกินกัน เราเลยไป





อีกเรื่องที่ฟังดูงี่เง่าที่สุดทำหรับเราคือ เราเลือกมากินที่ร้านซูชิ (แทนที่จะอยากกินอาหารเค้าเนอะ) แต่เราอยากกินมาก ตามประสาคนไทยมั้งที่โหยหาอาหารคาว เผ็ด รสจัดตลอดเวลา ก็มีแต่อาหารญี่ปุ่นเนี่ยแหละที่รสชาติค่อนข้างจะใกล้เคียงกับอาหารไทย เราเลยไปกินและสั่งชุดปลาดิบมาประมาณห้าร้อยเกือบหกร้อยบาทไทย.... จ้าาาา แต่ก็รู้สึกว่าเค้าให้เยอะคุ้มเหมือนกัน มิแรนด้าสวยจนเราเขินมากกินอะไรไม่ค่อยลง (นี่ก็บ้า) จนในที่สุดก็กินเหลือและขอเค้าห่อกลับบ้านมา พอกลับมาบ้านมิแรนด้าก็ถามว่าอยากไปไหนมั้ย มีที่ไหนอยากดูหรืออยากให้พาไปเป็นพิเศษมั้ย เราเลยบอกว่างั้นไปเดินเล่นแถวๆ นี้ได้มั้ย เธอเลยตอบตกลงแล้วพาเราออกไปเดินเล่น





ระหว่างทางเราเดินเล่นที่ริมน้ำ แถวนี้มีเรือเต็มไปหมด มิแรนด้าบอกว่าเรือพวกนี้เป็นเรือของพวกคนที่มีตังค์และซื้อเรือเอาไว้ไปเที่ยวช่วงหน้าร้อน หรือช่วงวันหยุด ที่นี่เลยเป็นที่จอดเรือของพวกเค้า เราเดินไปเรื่อยๆ เลาะริมน้ำไป เห็นคนมาวิ่ง ขี่จักรยาน หรือแม้กระทั่งว่ายน้ำ!? เราแอบงงที่มีคนมาว่ายน้ำในตอนนี้ ตอนสามทุ่มที่ท้องฟ้ายังสว่างสดใส แต่ก็ใกล้มืด มิแรนด้าหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แล้วพูดทำนองว่าพรุ่งนี้มาลองว่ายกันดูมั้ยล่ะ น่าสนใจดีเหมือนกัน น้ำท่าทางจะเย็น เราเดินต่อไปเรื่อยๆ จนเจอที่ๆ นึงเป็นใต้สะพาน เป็นพื้นที่ๆ เค้าเลี้ยงกระต่ายเอาไว้เยอะมาก น่ารักมากๆ

can you see the rabbits?

somewhere in St.Eriksplan


มิแรนด้าบอกกระต่ายพวกนี้มันมาเอง เค้าเลยเลี้ยงไว้และให้อาหารมันกินทุกวัน เรายืนดูกระต่ายกันอยู่สักพัก ดูแล้วเพลินมาก หนึ่งในนั้นมีลูกกระต่ายตัวจิ๋วกระโดดไปมา เราสองคนพูดกันว่าอยากเอามันไปเลี้ยง เราบอกให้เธอเอาไปเลี้ยง แต่แล้วก็หัวเราะกันเบาๆ เพราะไม่รู้จะเอาไปเลี้ยงยังไง จนในที่สุดเราก็เดินกลับบ้านกัน คืนนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษมาก มิแรนด้าดูจะโฟกัสกับการสอบของเธอเราเลยไม่อยากรบกวนมาก แค่ให้เรามาพักก็ดีมากแค่ไหนแล้ว เธอถามเราว่าตอนเช้าอยากกินอะไร เราบอกว่าไม่รู้ ไม่กินก็ได้เพราะเราไปหากินเองได้ เธอไม่ได้ว่าอะไร จนกระทั่งเราแยกย้ายกันไปนอนในที่สุด


god natt Stockholm!




to be continue on the next episode!
โปรดติดตามตอนต่อไป..

จะว่าไป อ่านตอนก่อนหน้ารึยังเอ่ยยย

ตอนที่ 0 (แรกสุด)
http://mayajett.blogspot.com/2015/09/mj-random-journey-europe-sweden-part-0.html

ตอนที่ 1-1
http://mayajett.blogspot.com/2015/09/mj-random-journey-europe-sweden-part-1.html



You Might Also Like

0 comments