Kyss Mig (Kiss Me) : หนังรักสวีเดนสุดโปรดในดวงใจ

April 17, 2015


Kyss Mig (Kiss Me) 2011

A review to this amazing Swedish film 
I'll write in Thai, sorry for those who can't read :)

หนังชนชาติสวีเดนที่ได้ยินชื่อมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยได้ลองดูสักที
ไม่นานมานี้ได้มีโอกาสดู และก็ต้องแอบด่าตัวเองในใจว่า 
นี่เราไปอยู่ไหนมาวะ ทำไมไม่ดูเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว!!!
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มยังไงดี หลังจากที่เราดูจบก็ไปหาอ่านว่ามีคนไทย
ได้เขียนถึงหนังเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า ปรากฏว่ามีอยู่ไม่น้อย และหลายคนก็ชอบหนังเรื่องนี้มาก
หลายคนก็เฉยๆ หรือบางคนอาจจะยังมีความคิดเห็นที่ค่อนข้างไปทางเหยียดเพศไปหน่อย

เอาล่ะ เราไม่ได้เจาะจงขึ้นหัวข้อว่ามันคือหนังรักเลสเบี้ยน เพราะเราว่าทุกเพศก็มีความรัก
ที่สวยงามเหมือนกันหมด และเราก็เคารพในทุกคน จริงๆ จะเรียกว่าเลสเบี้ยนหรือไม่ ก็มีค่าเท่ากัน
หลังจากที่นั่งดูหนังเลสเบี้ยนมาเกือบสิบเรื่อง (อ่ะ ในที่สุดคำว่าเลสเบี้ยนก็ต้องใช้จนได้สินะ)
รู้สึกว่าพล็อตเรื่องที่นิยมทำกันมากกกกกกก คือ นางเอกกำลังจะแต่งงาน (กับผู้ชาย) แล้วเจอ
สาวอีกคน แล้วยังไงล่ะ? ก็รักกันไง แล้วไงต่อ? คงไม่ต้องเดาเนอะ... ผู้ชายโดนถีบตกกระป๋องเป็นแน่
อยู่แล้ว อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่จากที่ดูมา เรื่องที่พล็อตแนวๆ นี้คือ
Imagine Me and You, I Can't Think Straight และอื่นๆ จำไม่ได้แล้ว แต่ที่กล่าวมาข้างต้น
คือหนังเรื่องโปรดทั้งนั้น และเรื่องนี้เองก็ไม่แพ้กัน เรารักมาก หลงรักที่สุด 
ดูไปประมาณเกือบ 5 รอบได้แล้ว



เราจะไม่เล่าเรื่องย่ออะไรมากมาย แต่จะขอพูดถึงความประทับใจที่มีต่อตัวละคร
เริ่มแรกเลย ไม่ใช่นางเอก แต่เป็น.. นางเอกอีกคนมั้ง (แหม จะให้ใครเป็นพระเอกล่ะ)
นั่นก็คือ Frida ฟรีด้า สาวน้อยผมบลอนด์ขี้เล่น เป็นมิตร และมีความห้าวๆ อยู่ในตัว 
อย่างหนึ่งที่ประทับใจในหนังเรื่องนีก็คือ การใช้สายตาสื่อสารกันระหว่างตัวละคร
เป็นสิ่งหนึ่งที่เราหลงใหลมากโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นเพราะเราเองก็ไม่ได้พูดเยอะในบางที
และการแสดงออกความรู้สึกทางสายตา (ที่นอกเหนือจากภาษาทางกาย มือไม้ต่างๆ) 
เป็นการสื่อสารที่มีความวิเศษและน่าทึ่งอยู่ในตัวมาก ไม่เคยดูหนังสวีเดนมาก่อน
และได้ยินมาว่าสไตล์หนังสวีเดนนั้นจะเน้นสื่อสารทางสายตาซะส่วนใหญ่
ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารักหนังเรื่องนี้มาก นางเอกมีการส่งสายตาหากัน มองกัน
พูดกันทางสายตาอยู่ตลอดเรื่อง ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ มากมายเลย
ทั้งความหลงใหล ความโกรธ ความเจ็บปวด ทุกอย่างสื่อออกมาจากตาได้ดีจริงๆ 

ฟรีด้าเป็นสาว (น่าจะ) บ้านๆ หน่อย เพราะมีอา (นางเอกตัวหลักของเรื่อง) นางเป็นสาวเมือง
ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองก็คือ ฟรีด้าจะมีความขี้เล่น ความเท่ ใจกล้า บ้าบิ่น 
เข้ากับคนง่าย เลยทำให้เธอดูเป็นคนมีเสน่ห์มากๆ และสามารถทำให้มีอารักโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากเลย ส่วนมีอาเอง นางค่อนข้างเงียบ พูดน้อย และดูเป็นจริงเป็นจังกับชีวิตเหี้ยๆ 
นางกำลังจะแต่งงานกับ ทิม ผัวในอนาคตของนางที่หน้าคล้ายนักร้องนำวงอะไรสักอย่าง 
(มีอาเองก็หน้าเหมือน Lykke Li นักร้องสาวชาวสวีเดนมากกกก ดูแล้วนึกว่านาง)


สารภาพว่าครั้งแรกที่ได้ดูเรื่องนี้ ถึงกับจิกมือตัวเองรัวๆ ให้กับฉากต่างๆ เวลาสองนางมองตากัน
และพยายามสื่อสารอะไรกันบางอย่างโดยไม่ได้พูด ไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นมั้ย
แต่เราแทบจะทนไม่ได้และรู้สึกหวิวๆ ในท้องตื่นเต้นไปกับนางด้วยกับจูบแรกของพวกนาง
อาจเป็นเพราะความรักครั้งนี้มันเป็นรักที่มีความรู้สึก "ผิด" อยู่เต็มๆ 
มีอาเองก็กระอักกระอ่วนใจและพยายามอย่างมากที่จะไม่เข้าใกล้ฟรีด้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ 
ที่จริงฟรีด้าเองก็น่าสงสาร ที่โดนมีอาจูบเข้าให้โดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่มีอากำลังจะแต่งงาน
และอีนังฟรีด้าเอง นางก็มีเมียอยู่แล้ว (นี่ก็เพิ่งรู้ตอนนางร้องไห้หลับบ้านไปนั่นแหละ อ่ะ..
สรุปว่านี่ก็สปอยไปเยอะละ ช่างมันเว้ย ๕๕๕) แต่จะว่าไป ฟรีด้าเองนางก็ไม่น้อยเหมือนกัน
เพราะจากการพูด สายตา และอะไรบางอย่างของนางที่มีต่อมีอาในตอนแรก 
มันก็ทำให้มีอาคิดไปไกลเหมือนกันแหละ...

หลังจากจูบแรก มีอาพยายามจะไม่คุย ไม่ยุ่งกับฟรีด้า และหาทางกลับไปที่บ้านพ่อของนาง
(คือนางโดนพามาติดเกาะกับแม่ฟรีด้า และฟรีด้า แผนของพ่อนาง) 
แต่ฟรีด้าก็ไม่ค่อยจะเข้าใจและไม่เคลียร์กับสิ่งที่เกิดขึ้น นางพยายามเข้าหามีอา
จนในที่สุดก็ลงเอยกันแบบผิดๆ แต่ฟินชิบหายยยย



หลังจากเลิฟๆ กันแบบผิดๆ ของนางสองคน
มีอาก็เริ่มรู้สึกว่ามันจะมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง เธอเลยเหวี่ยงๆ และพยายามไม่ยุ่งกับฟรีด้า
จนในที่สุดเธอก็พูดกับฟรีด้าว่าเธอทำไม่ได้หรอก เพราะเธอกำลังจะแต่งงานกับทิม
เรื่องเลยเป็นว่าฟรีด้าเสียใจมาก มีอาเองก็เช่นกัน แต่งานแต่งก็กำลังจะจัดอีกไม่กี่เดือน 
ทั้งสองเลยต้องแยกกัน มีอากลับไปที่สต็อคโฮมส์ ฟรีด้าก็ไปในทางของเธอ



แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น เพราะเมื่อวันเวลาผ่านไปๆ มีอาก็ดูเศร้า ซึมลง 
ตอนนี้ทิมผัวนางเริ่มสังเกตได้ละ ว่ามีอาดูแปลกๆ ไป 
จนในที่สุดมีอากับฟรีด้ามาเจอกันอีกครั้ง ทั้งคู่เลยรู้ว่ายังรู้สึกกันเหมือนเดิน
และมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ



แต่ก็อีกแหละ... มีอานางทำไม่ได้ ต่อให้ใจเธอจะมีให้ฟรีด้ามากขนาดไหน
ยังไงนางก็ต้องแต่งงานกับทิม และนี่แหละที่ทำให้ฟรีด้าเสียใจมากกกก
ตอนนี้น่าสงสารจริง เพราะฟรีด้าเองก็เพิ่งบอกเลิกเมียนางไป โดยการสารภาพ
ว่านางหลงรักมีอามาก แต่เมียนางก็ด่านางละบอกว่า เธอมันโง่มาก ยัยมีอาไม่มีวันเลิกกับผัวหรอก 
นี่เธอทำอะไรของเธอ... จุดนี้รู้สึกว่า ฟรีด้านางกำลังโดนด่าที่ทำให้ความสัมพันธ์
ของทุกคนต้องล่มจม แต่ถ้าให้มองย้อนกลับไปดีๆ มันก็ไม่ใช่ความผิดฟรีด้าซะทีเดียว
เพราะความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน มันไม่มีใครที่ผิดจริงๆ หรอก 
ตัวมีอาเองก็เป็นคนทำให้ความสัมพันธ์ผัวเมียของเธอแตกแยกกัน 
ต่างคนต่างก็ต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป มันไม่ใช่แค่ใครคนนึง


แต่ก็ตามฉบับส่วนมากของหนังเลสเบี้ยน ที่มักจะจบด้วย Happy Ending เสมอ
มีอาเลือกฟรีด้า และทิ้งทิมอย่างโหดเหี้ยม อันนี้ก็ออกจะใจร้ายและเกินจริงไปหน่อย
เราว่าการที่คนเรารักกันและสร้างบางอย่างมาด้วยกันกว่า 7 ปี มันไม่น่าจะจากกันทันทีแบบนี้นะ
แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกัน... คนเราบางทีก็เปลี่ยนไปแค่ข้ามคืนได้ โดยที่สิ่งที่ผ่านมา
ไม่มีความหมายอะไรเลย บางที.. ฟรีด้ากับมีอาอาจควรคู่กันมากกว่ามีอากับทิมก็ได้
ซึ่งถ้าจะให้เป็นความจริง เราว่ามันคงไม่ง่ายดายแบบในหนังเป็นแน่ 
อย่างที่ทิมบอกตอนมีอาจะไป ว่าจะให้เค้าบอกเพื่อนๆ และญาติยังไง 
ให้บอกเหรอว่าเมียกูมันกลายเป็นเลสเบี้ยนว่ะ เลยยกเลิกการแต่งงาน
อันนี้ก็อาจจะยากสำหรับเหตุการณ์ในชีวิตจริง มีอานางโดนประนามแน่ๆ 
แต่ก็อีกแหละ ท้ายที่สุดแล้ว ความรักก็อยู่เหนือทุกสิ่ง จะมีอะไรมารั้งในเมื่อใจนางรักฟรีด้า


หนังจบค่อนข้างห้วนกว่าที่คิดไว้หน่อย ไม่ได้แย่ แต่มันยังไม่ฟินเท่าไหร่
อาจเพราะว่าเราชอบคู่นี้มาก (หรือชอบฟรีด้ามาก ถามใจตัวเองดู) เลยรู้สึกว่า
เฮ้ยยยย มึงช่วยมีฉากอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยได้มั้ย ให้นางพูดอะไรกันอีกหน่อยสิโว้ย
แต่ในที่สุดแล้ว เราก็ดีใจมากที่นางลงเอยกันได้ดี 

นอกจากเรื่องของความรักแล้ว หนังเรื่องนี้ยังมีเรื่องของครอบครัว ที่เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง
ในชีวิตของทุกคน พ่อของมีอาดูจะไม่ยอมรับในความเป็นไบเซ็กช่วล หรือเลสเบี้ยน เกย์ อะไรก็ตามแต่
ของมีอา และด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะลงรอยได้ดีนักของพ่อลูก
ตอนจบก็สามารถทำให้คลี่คลายได้ดี ถึงแม้อาจจะเร็วไปหน่อย 
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่พ่อแม่สามารถยอมรับได้ในที่สุด นั่นก็คือ
การที่เห็นลูกของพวกเขามีความสุข 
ประเด็นนี้ถูกพูดถึงมากในหนังเกย์เลสเบี้ยน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก 


ให้ Kyss Mig เป็นหนังในดวงใจอีกเรื่องนึง ที่สามารถนั่งดูได้อีกหลายๆ รอบโดยไม่เบื่อ

ปล. ผู้หญิงอย่างฟรีด้า หน้าแบบนี้นิสัยแบบนี้ ที่สวีเดนมีอีกไหม?
ถ้ามีช่วยบอกพิกัดหน่อย จะรีบบินไปหาเลย เลิฟมากกกกก

ปล. 2 อันนี้เพิ่มมุมติ่ง คือชอบนักแสดง Liv Mjones มากๆๆ (ฟรีด้า) นางสวยมากกก
และมีเสน่ห์มาก หลงรักฟรีด้าที่มีท่าทางห้าวๆ หน้าตาสวย ดุ น่ารัก สายตาสยบทั้งชายหญิง
และที่ชอบมากที่สุดคือเสียงของนาง คือเพราะมาก มีคนบอกว่าภาษาสวีเดนเป็นภาษา
ที่เพราะมากกกก พูดแล้วเหมือนกำลังร้องเพลงอยู่ อันนี้คือใช่เลย ชอบเวลาฟรีด้าพูด
โดยเฉพาะเวลานางหงุดหงิดกับแม่ คือน่ารักมากกกก โอย เป็นบ้า

และ ปล. ที่ 3

สำหรับใครที่อยากฟังเรื่องรักๆ ในสวีเดน ของจริงที่เกิดกับตัวเราจริงๆ
เชิญติดตามต่อได้ในนี้...

ตอนที่ 1-3 (เรื่องรักๆ ตอนแรกสุด)

ตอนที่ 1-4 (เรื่องรักๆ ตอนที่สอง)





You Might Also Like

0 comments