MAYAJETT THE TRAVELLING LIFE / FUKUOKA, JAPAN / ครั้งแรกที่ญี่ปุ่น! ฟูกุโอกะ PART 2

October 25, 2014


M A Y A   J E T T
T H E   T R A V E L L I N G   L I F E

PRESENTS,

F U K U O K A,  J A P A N

P A R T  1

"ครั้งแรกที่ญี่ปุ่น! ฟูกุโอกะ"

[For those who wants to view the picture, click the pic to enlarge]
- คลิก ที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่ -

English Version, Later!!!!


กลับมาอีกครั้งกับ Part 2 ของบันทึกการท่องเที่ยว ณ ฟูกุโอกะ 
ประเทศญี่ปุ่น.. คือหายไปนาน นานเป็นเดือน ต้องขออภัยสำหรับคนที่รอ
และบางคนอาจจะลืมไปแล้ว ว่าอิชั้นไปเที่ยวญี่ปุ่นมา
หรือบางคนไม่สนใจ ไม่เป็นไร ยังไงก็จะเขียน ไม่งั้นคาใจ!
เอาล่ะ จะไม่บ่นมากแล้ว มาดูรูปกันต่อดีกว่า แล้วจะเล่าไปด้วย 

........................................................


วันที่สอง เราก็ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวที่วัดแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงพอสมควร
ในฟูกุโอกะ ซึ่งชื่อของมันคือ... Dazaifu น่าจะออกเสียงได้ได้ว่า ดาไซฟู 
เรากินอาหารเช้ากันที่ Guesthouse ที่นี่มีพนักงานคนไทยที่มาฝึกงานมาเฝ้าตอนกลางวัน
เป็นเด็กนักเรียนไทยที่เรียนอยู่ที่นี่ (ไม่รู้ว่าเล่าไปเมื่อตอนก่อนรึยัง)
และที่นี่ คนไทยก็มาพักกันเยอะพอสมควร ภาพบนคือภาพชั้นวางหนังสือ
ของที่นี่ ถ้าสังเกตดีๆ มุมขวาบน มีใครก็ไม่รู้ เอาเจ้า totoro มาวางไว้

และแล้ว 10 โมง.. เราก็ออกเดินทาง
โดยมีแฟนของคุณอาที่เป็นคนญี่ปุ่น อาสาพาพวกเราเที่ยว..เย้ 


เมื่อเรามาถึง.. จะมีเมืองเล็กๆ ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร 
แต่บรรยากาศน่ารักมาก มีร้านค้าน่ารักๆ ร้านขนม 2 ข้างทาง 
ตลอดการเดินทางไปยังวัด ซึ่งที่นี่ก็ยังมีร้าน Starbucks ที่มีกิมมิค ไม่เหมือนที่อื่นด้วย
แต่เราไม่ได้เอารูปมาลง เพราะงั้น... อดคร่า (รีวิวประสาไรวะเนี่ย) 


วันนี้คนเดินเรื่อยๆ ไม่ได้เยอะเกินไป แต่ก็ถือว่าเยอะ 
ระหว่างการเดินเข้าไปยังวัด ก็มีต้นไม้ใหญ่อยู่รอบๆ เราชอบมาก
เพราะต้นไม้ที่นี่ใหญ่ และสวยงามจริงๆ ดูมีชีวิตชีวา แอบคิดว่าแตกต่าง
จากไทยตรงที่ ต้นไม้ในไทย มันดูเหมือนถูกบังคับให้มีชีวิตอยู่ (ในเมือง)
ทั้งๆ ที่มันก็..คงไม่ได้อยากอะนะ แต่ต้นไม้ที่นี่สวยจริงๆ
และที่สำคัญ คือมีมอสเขียวๆ เกาะ ปกคลุมอยู่ทั่วต้น ยิ่งดูอุดมสมบูรณ์เข้าไปใหญ่
เราก็ไม่รอช้าแอบเอามือไปลูบๆ ดู อืมมม นิ่มดีจัง


บรรยากาศรอบๆ 


สิงห์เฝ้าวัด


สวยจัง


เราหยุดแวะให้อาหารปลา ที่นี่มีเครื่องขายอาหารปลา สะดวกดี 
เห็นว่าที่เมืองไทยก็เริ่มมีกันแล้ว คือไม่เเคยเห็น มันก็เก๋ไปอีกแบบ
แต่ไม่ได้ถ่ายมาอีกเช่นเคย อด อ่อ ลืมไป ให้อาหารปลา แต่ทำไมมีรูปนก
เพราะว่านกพิราบมันก็เสล่อมาทุกที่แหละเนอะ แอบมาแย่งปลากิน อิอิ


ความอุดมสมบูรณ์รอบๆ 



ระหว่างทางเดินเข้าไปยังวิหาร (หรือจะเรียกว่าอะไรก็ตามแต่)


คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
แถมอากาศก็ร้อนด้วย แดดร้อนจริง 
แต่ก็ยังไม่ร้อนเท่าไทยอยู่ดี 


มุมมองผ่านหลังกวาง


Holy water 


แอบถ่ายสาวญี่ปุ่น


ขอพรกันใหญ่เลย


หลังจากนั้น เราก็เดินๆ ไปหลังวัด.. ก็เจอกับธรรมชาติที่สวยงาม
คืออยู่ๆ ก็มีโซนที่เหมือนจะเป็นป่า เราก็เดินขึ้นไปดู
ชอบมาก มันมืดๆ เหมือนอยู่ในป่า เขียวๆ เย็นๆ
ขึ้นไปก็เจอแบบนี้...


ชอบเลย..
แต่ก็แอบมียุงนิดหน่อย
แต่ว่ามันสวยมาก รู้สึกดี สงบจิตใจดี ที่มีป่าอยู่ในวัด


Selfie!


ป่านี้เราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นป่าจริงๆ มั้ย แล้วป่าใหญ่แค่ไหน 
เพราะเราเดินอยู่แค่วงแคบๆ แล้วก็เจอศาลเจ้า ไม่รู้ว่าเค้าเรียกกันยังไง
แต่ว่าเป็นเหมือนศาลเรียงๆ กันเยอะๆ สวยมากๆ



ตามภาพนี้เลย.. 
พยายามเก็บภาพมาเป็น Panorama ก็ได้แค่นี้ 555


หลังจากนั้นก็สำรวจต่อ 
มีป้ายหิน ที่อ่านไม่ออก แต่ก็ชอบความสวยของมัน


ป้ายสวยอีกแล้ว
(บางรูป ก็ไม่รู้จะเขียนอะไร ขออภัยด้วย)


และแล้วเราก็เดินมาถึงตรงที่สวยๆ กัน 
ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรนะ เราขอโทษที่ทริปนี้ไม่ได้ทำการบ้านมาเลย
เพราะเป็นทริปที่แบบว่า เฮ้ยไปญี่ปุ่นเหรอ ไปๆ เมืองอะไรก็ไปค่าาา
เนื่องจากมีคนจัดการให้หมด นั่นคือแม่ และอา บลาๆๆ 
ก็เลย.. แรนด้อม ไปไหนก็ไป ชื่อสถานที่ยังไม่ค่อยรู้เลย


Selfie just in the perfect time,
YAWNNNNNNNN


ร้านค้าขายของที่ระลึก
เราได้เครื่องรางมาอันนึง แฟนอาซื้อให้ เป็นสีแดงน่ารักๆ 
เค้าบอกว่า จะให้โชคด้านการเรียน (เราเลยถือโอกาส เหมารวมไปเรื่องทำงานด้วย)
เนื่องจากทริปนี้ เป็นทริปที่คาบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง
ของชีวิตช่วงนึง คือคืนที่จะเดินทาง เป็นคืนแห่งความ complicated 
เพราะว่าเพิ่งจะลาออกจากงาน อย่างไม่ค่อยเต็มใจ 
และความรู้สึกหลายๆ อย่างมันติดค้างในใจ 
(เอาเป็นว่าไม่พูดเรื่องแย่ๆ ในนี้ดีกว่านะ อยากด่าชิบหาย แต่พอๆ 555)


หลังจากที่เราเที่ยววัดเสร็จ 
เอิ่ม.. จะว่าไปก็ไม่ได้อธิบายอะไรเกี่ยวกับวัดเท่าไหร่เลย 
เอาเป็นว่าก็ไปมาแล้วละกัน 555 
เรามาต่อกันที่ร้านขนมของญี่ปุ่น ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร
แต่ที่ร้านน่ารักดี มีสวนหลังร้านให้ออกไปนั่งได้ แต่อากาศร้อนไม่เอื้ออำนวย
เราเลยต้องมานั่งด้านใน และขนมที่ว่า ก็เป็นเหมือนแป้งที่เอาไปปิ้ง ใส้ถั่วแดง
แล้วก็มีชาเขียว เข้มข้น และบ๊วย

ขอบอกว่าบ๊วย อร่อย แต่..
เค็มและเปรี้ยวมากกกกกกกกกกกกครัชพี่น้อง
คือ ต้องทำปากเป็นรูป * เลยอะ!!!


บรรยากาศในร้าน ถ่ายมามุมเดียว ถถถถถถ


ร้านตรงข้าม ขายของมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริิ้ง 


และเราก็กินไอติมมมม เย่


น่ากินไหมคะ

.........................................................

เอาล่ะ! หลังจากการเที่ยวที่วัน Dazaifu แล้ว
เราก็นั่งรถไปเที่ยวกันต่อที่ Marine World พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่
โดยเราจะต้องนั่งเรือเพื่อไปยังที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ 
เราดีใจ และอยากไปดูเหล่าปลา และสัตว์น้ำต่างๆ มาก
เพราะชอบสัตว์น้ำ มันน่ารักมาก


พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่นี่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร
แต่จากที่เคยได้ไปที่ Siam Ocean World ที่ Siam Paragon มาแล้ว
เราว่าที่พารากอนมีอะไรเยอะกว่า เจ๋งกว่า ในบางมุม
แต่ที่นี่ก็มีกิมมิค และจุดเด่นในเรื่องนึง คือ... มีโชว์ปลาโลมา!


ที่นี่นั่นเองงงงงง



ปลาโลมาน่ารักมากกกกก ดูแล้วชอบมาก
มันฉลาดมากๆ คือ ก็ไม่รู้ว่ามันรู้สึกยังไงนะ 
แต่ดูมัน happy ดี๊ด๊าดี ดูแล้วชอบจริงๆ 


สัตว์เลี้ยงใหม่คร่ะ


อันนี้เป็นบรรยากาศข้างนอกพิพิธภัณฑ์
สววยมาก ชอบมากจริงๆ ติดทะเลด้วย


ชอบรูปนี้เป็นพิเศษ 
เพราะบังเอิญเหมือนรูปวาดของศิลปินญี่ปุ่นคนนึง ซึ่งคือใครไม่รู้
เคยเห็นใน pinterest 


สวยจุงเบย 


เด็กๆ มานั่งเล่น


เรือของข้าเอง


Just hanging out

.........................................................

แล้วหลังจากนั้น เราก็กลับเข้าเมืองกัน ซึ่งพวกเราก็กำลังจะไปกินมื้อเย็นกัน
ที่ร้านอาหารอิตาเลียน จำชื่อไม่ได้ละ แต่ว่าอยู่ใกลกับ Hakata Station 
เราจองห้องแบบ Private เป็นห้องที่มีคาราโอเกะ เจ๋งมากๆ 


เพดานห้อง ชวนให้แดนซ์มั้ยล่ะคระ


เบลอๆ กันไป

เรากินมื้อเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย และแฟนของอา (ที่เป็นคนญี่ปุ่น)
ก็ร้องคาราอเกะ เป็นเพลงของญี่ปุ่น เสียงเพราะมาก 
ทุกคนยุให้เราร้อง ก็เลยร้องด้วย แต่อิชั้นก็ร้องเพลงเบสิคๆ มากกกก
นั่นก็คือเพลง Kiss Me.. อุ๊ย อายจังเลยอะ 55555

พอเสร็จจากมื้อเย็นของเรา ก็ค่ำละ
แล้วก็กลับที่พักกัน หลังจากเหนื่อยมามากแล้ว
วันนี้สนุกจริงๆ เรื่องเล่าทั้งหมดก็มีแค่นี้ ไม่มากนัก 
แต่ก็มีรูปให้ชมกันเพลินๆ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู ก็เชิญดูวีดีโอกัน
ตามลิงค์นี้ไปเล้ยยยย

ขอจบด้วยภาพนี้ละกัน
The Teaching of Buddha, 
อยากอ่านมากๆ แต่มันเป็นภาษาญี่ปุ่นนนน


บ๊ายบาย เจอกันอีกที ตอนที่ 3 เร็วๆ นี้ !

................................................................

More about my traveling stories...
สำหรับตอนเก่าๆ สามารถติดตามได้ที่


And many more, look on my blog !


You Might Also Like

0 comments