RANDOM COOL KIDS : WORLD TOUR PART 2 : Hong Kong, Ngong Ping 360 / เด็กกากขึ้นกระเช้านองปิงที่ฮ่องกง

June 27, 2014

RANDOM COOL KIDS : 
WORLD TOUR PART 2
"HONG KONG" : Going to Ngong Ping 360 


[For those who wants to view the picture, click the pic to enlarge]
- คลิก ที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่ -

มาอัพต่อตอนที่ 2 กับตอนที่ชื่อว่า "ไปเที่ยวกระเช้านองปิง" กันเถอะ
เอ่อะ คือชื่อตอนโคตรจะไม่มีกิมมิคเลย แต่เอาเถอะ เนื่องจากเราไม่สามารถ
นำรูปทั้งหมดร้อยกว่ารูป ใส่ลงไปในโพสเดียวกันหมดได้ 
เราเลยต้องแบ่งรูป ออกเป็นตอนๆ และตอนฮ่องกง จะมีทั้งหมดสามตอน
นี่คือตอนที่ 1 นั่นเอง...

จากรูปบน คือรูปของเช้าวันที่สองของทริป คือตื่นมาที่มาเก๊า
และกินอาหารเช้ากันที่นั่น อาหารเช้าคือฟรี ของ 5footway.inn จากที่บอกไป
เมื่อโพสก่อน > 

ซึ่งคำว่า 'อาหารเช้า' ของเค้า กับสิ่งที่เราคาดหวัง มันต่างกันลิบลับ
ด้วยความที่เราเป็นเด็กกาก และของกินที่นี่แพง 
เราจึงคาดหวังเอาไว้มาก จนผิดหวังเมื่อรู้ว่าอาหารเช้าของนาง
นั้นมีแค่ ขนมปังรัวๆ ที่ปิ้ง มีแยม มีนูเทลล่า มีเนยถั่ว 
มีแอปเปิ้ล มีส้ม มีกาแฟ ชา โกโก้ น้ำเปล่า

ข่าาาา ทั้งหมดคืออาหารเช้า (ไม่ได้ไม่ดีนะ มันโอเค แต่มันไม่โอเค
สำหรับเด็กผู้หิวโหยแบบเราๆ) แต่เราก็ไม่ไร มีให้กินก็กิน คนละสองแผ่นเบาๆ 
หยิบแอปเปิ้ล ส้มมากินด้วย แอปเปิ้ลเหลือ เอาใส่เป้ตุนไว้รัวๆ 

แล้วเราก็ check out ก่อนจะออกเดินทางไปยังท่าเรือมาเก๊า


เราเดินทางด้วยรถบัสฟรี เป็นบริการของโรงแรม Sofitel Macau ที่อยู่ตรงข้ามซอย
โรงแรมเรานั่นเอง คือง่ายมาก และฟรี เราเลยฟินเบาๆ ท่าเรือของมาเก๊า
รู้สึกว่าจะมีสองที่ เราไปที่นึง คือจำไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าจะไปขึ้นของ
Jetstar 


เมื่อมาถึงเราก็ไม่รีรอ ไปซื้อตั๋วทันที ทีแรกเราแพลนเวลาไว้ว่า
เราจะไปถึงฮ่องกงไม่เกินเที่ยง เพราะบอกที่ guest house ไว้แบบนั้น
แต่พอเอาเข้าจริง กว่าเราจะตื่น กว่าจะลุกไปอาบน้ำ กว่าจะแต่งตัว
แต่งหน้าบลาๆ กินอาหารเช้ากันเสร็จ ก็ปาไป 9-10 โมงแล้วค่า
เราได้ตั๋วขึ้นเรือมาที่เวลา 10:30 น. มั้งนะ ถ้าจำไม่ผิด 

และเมื่อเราขึ้นเรือ เราก็ได้พบกับ...


คนจีนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนค่าาาาาาาาาาาาาาา
พวกนักท่องเที่ยวคนจีนที่น่ารักค่า รักมากกกกกกกกกกก อีดอกกก
จะขอเกริ่นก่อนนะ ว่าเราไม่เชื่อคำพูดที่บอกว่า
'อย่าไปเหมารวมว่าเค้าไม่ดีทั้งหมด' อ่อเหรอคะ 
เท่าที่เรามาเที่ยวเนี่ย เจอคนจีนแบบสิ้นๆ เยอะมากกกกกกก
เยอะมากกกก แบบ อีดอกกกกูเพลียแบบเพลียสัสๆ ไม่มีอะไรจะมอบ
(ลืมเซ็นเซอร์คำหยาบไป ขออภัยมา ณ ที่นี้ สำหรับคนที่ไม่ชิน)
คือ..

ขึ้นเรื่อมา ทุกคนเหนื่อย ง่วง แทนที่จะได้นอน (เออเหนื่อยจริง เมื่อคืนนอนดึก)
กลับเป็นว่า ต้องฟังอิครอบครัวจีนที่มาประมาณ ทั้งตระกูล คุยกันเสียงดัง 
และคือ มีที่นั่งให้ นางไม่นั่งกัน คือนางยืน ก็ไม่รู้ว่าอยากดูวิวหรืออะไร
แล้วอีกอย่างนึง คือนางมีเด็ก เด็กเล็กๆ ที่ร้องตลอดเวลา
แล้วพอร้อง นางก็ไม่สน ก็คุยช้งเช้งๆๆๆๆกันรัวๆๆๆๆๆ แบบไม่แคร์ใคร

เราได้ข้อสรุปมาโดยกระทันหันว่า
สมองของพวกเค้า คงจะไม่มีฟังก์ชั่นที่เอาไว้นึกถึงความรู้สึกคนอื่นมั้ง
เราก็เลย... ปลงค่ะ

จนกระทั่งเรามาถึงฮ่องกง 
เดินออกมาจากท่าเรือ มายังถนน Nathan Road 
เพื่อจะไปที่พัก ที่ชื่อว่า Taisan Guesthouse 
รู้สึกว่าที่นี่คนไทยจะไปพักกันเยอะ เป็นเกสท์เฮาส์เล็กๆ 
แต่บริการดี มีทุกอย่างครบ ถึงแม้ว่าอาจจะแคบไปนิด
แต่ก็ราคาประหยัดกว่าไปนอนโรงแรมเป็นไหนๆ 


นี่คือวิวจากห้องเรา มองออกไปก็เห็นตึกรัวๆ ไม่มีไรมาก


หนุ่มน้อย

และพอเราเอากระเป๋าเดินทางมาเก็บ มาพักผ่อนกันนิดหน่อย
มาใช้เน็ตด้วย เพราะไม่มีซิม ไม่ได้ซื้อไว้ อาศัยไวไฟฟรีเอา
พอเจอเน็ตก็นั่งแช่... จนได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ

เราออกเดินทางประมาณ บ่าย1 มั้งนะถ้าจำไม่ผิด 
เพื่อที่จะไปขึ้นกระเช้านองปิง 360 องศา
โดยที่เราได้ทำการซื้อบัตรมาจากอินเตอร์เน็ตแล้ว 
เพราะถ้าไปต่อแถวซื้อเอาคงรอนานมากๆ (เคยมีประสบการณ์)


เยี่ยร์ พร้อมแล้วค่าาา


ตอนนี้ที่ MTR บ้านเค้า มีสึบาสะอยู่ น่ารักดี
ดูรถไฟฟ้าที่นั่นเค้าไม่ได้มีโฆษณาเกร่อแบบบ้านเรา
จะว่าไป.. บ้านเมืองเค้าพัฒนากว่าเราเยอะ ดูๆ แล้วก็อดใจหายไม่ได้ 
ว่าจะมีไหมสักวัน ที่เมืองไทยจะพัฒนาได้ขนาดนี้ 
เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่า จะพัฒนาแค่เปลือกนอก และพยายามพัฒนา
ทั้งๆ ที่คนในประเทศ ไม่ได้มีความคิดหรือส่วนร่วมที่จะทำอะไรให้ดีขึ้นเลย
อุ๊ย แหม แหม.. พูดไปก็ไม่ได้เนอะ ไม่รู้สิ แต่ยอมรับว่าที่นี่โลกที่ 1 ที่ 2 เลย
มีระเบียบดี เวลาขึ้นบันได ขึ้นบันไดเลื่อน ต่อคิวอะไร ส่วนมากมีไลน์
ชิดซ้ายคือกูรีบ เดินไปเลยข่า ชิดขวาคือยืนนิ่งๆ แช่ไว้ เหนื่อย
แต่บ้านเรา.. ไม่มีค่ะ ถึงแม้จะมีบอก นางก็ไม่ทำกันค่ะ 


บรรยากาศในรถไฟ


และแล้วก็มาถึงนองปิง บอกเลยว่าหิวกันมาก
เลยไปซื้อ subway กินกัน แล้วก็รีบมาขึ้นนองปิงรัวๆ 


พวกเราเลือกขึ้นแบบ Crystal ที่เห็นรอบทิศ 360 องศา
มันหวาดเสียวดี แต่สวยมาก เห็นธรรมชาติสวยๆ ของเค้าทั่วเลย


และนี่ก็คือวิวที่เราถ่ายมาให้ชมกัน 


อ่าห์ คนข้างล่างจะเห็นเกงในมั้ยนะ


ชิลๆ


คูล


วิวข้างนอก สวยมากๆ 


ร.เรือ


สวยจัง วันนี้เมฆเยอะ เหมือนจะครึ้มๆ นิดๆ 


สนามบิน 


กระเช้าใครไม่รู้


และแล้วเราก็มาถึง เมือง.. หรืออะไรสักอย่าง ที่นองปิงพามา
ไม่เคยจะจำชื่อได้เลย เอาเป็นว่า เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่จะมีของขายเยอะๆ 
มีอาหารมีน้ำบ้าง แต่อาจจะแพง ต้องระวัง เราก็เดินกันรัวๆ
ไม่สนใจจะซื้ออะไรเลย ด้วยความจน


สะพานที่ทุกคนต้องข้าม


ไปเดินเล่นกัน 


มีการแสดงบ้างเล็กน้อย


ขอพร


หมาขนฟู เป็นหมาแถวนั้น น่ารักมากๆ คนหยุดถ่ายรูปกันรัวๆ


และจากตรงนี้ เราก็จะเดินขึ้นไปสักการะ พระพุทธรูปกัน


เราจำไม่ได้สักอย่าง ว่าเค้าเรียกกันว่าอะไร ขออภัยมาที่นี่
แต่เอาเป็นว่า ถ้านั่งนองปิงมา ก็จะมีพระใหญ่ๆ 
แล้วคนก็นิยมเดินขึ้นไปดูกัน เราเคยมาสองครั้ง แต่ไม่เคยเดินขึ้นไปเลย
เพราะแม่ขึ้เกียจเดิน แต่ครั้งนี้ พี่แพรเค้าอยากเดิน ก็เลยเดินกัน


พระ


หมาเก๊ก ทำเป็นเข้ม


พอเริ่มเดิน.. เราสองคนเด็กกากที่ไม่เคยออกกำลังกายใดๆ
ก็เกิดอาการเหนื่อยล้า.. ตั้งแต่ก้าวที่ 5 
ส่วนอิแพรน่ะเหรอ นางออกกำลังกายบ่อย ขึ้นไปรัวๆ ไม่มีหยุดเลยค่ะ


เราก็ได้แต่ถ่ายรูปเล่น พักทุกที่ๆ เค้าให้พัก


วิวที่มองลงมา 


สวยจังเลย


พักๆ


ยิ่งขึ้นไป อากาศก็ยิ่งเย็น ถึงจะไม่ได้เย็นมาก
แต่ก็อยู่ในความสูงที่เมฆลอยต่ำมาเจอเรา 
เราได้อยู่ในก้อนเมฆ แต่พออยู่ในเมฆ เราก็ไม่รู้ตัวว่าอยู่ในเมฆ งงปะ


คิดถึงแฟนเหรอคะ


พระพุทธเจ้า


ขอให้คนแถวนั้นถ่ายรูปให้


สวยจัง


ดอกบัว


สุดท้ายแล้ว เราก็เดินลงมาเมื่อชมกันอย่างหนำใจ 
ลงมาก็มีวัดบ้าง มีร้านค้าบ้าง เดินๆ กันนิดหน่อย
แต่เราเหนื่อยกันมาก ดูกากๆ ไงไม่รู้ 555 แทนที่จะมีแรงกันเยอะๆ 
มาเที่ยวทั้งที เราเลยนั่งพักชมวิวนิดหน่อย ก่อนจะเดินทางกลับ


กลับมาาจากนองปิง มาสู่ MTR เหมือนเดิม
ชอบรูปนี้เพราะตาลุงข้างหลังแกเหมือนจะฮาๆ ไปกับเราด้วย
(ความเป็นจริงอาจจะกำลังฮัดเช่ยก็เป็นได้)

และหลังจากนี้ จะเป็นการนัดเจอกับ 'เพื่อนฮ่องกง' ที่เราคุยกันมานานน
นานนนเป็นปีก็ว่าได้ เพื่อนชื่อว่า คริสตี้ เป็นเด็กผู้หญิงฮ่องกง
อายุเท่าๆ กับเรา เราเจอนางในอินเตอร์เน็ต แบบแรนด้อม
และไม่คิดว่าการเจอแบบแรนด้อม จะทำให้เป็นเพื่อนกันได้
และคุยกันมาจนถึงวันนี้.. วันที่เรามาเจอกัน 

ครั้งแรกในชีวิต 


คริสตี้พาเรามากินข้าวที่ร้านอาหารเซียงไฮ้ ซึ่งตอนพวกเราเดินเข้าไป
เรารู้สึกว่า เอิ่ม.. ร้านหรูสัสๆ แอบกลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายกัน 
ด้ายความที่มีงบจำกัด (โอ้ยดูกากอะ อายเค้า) 
แต่ก็เอาวะ ไหนๆ เค้าชวนมาแล้ว เราก็ต้องมาให้ถึงที่สุด
เปิดเมนู.. น่ากินทั้งนั้น เลือกไม่ถูก คริสตี้และเพื่อนอีกคน ที่ชื่อคิม
ช่วยเลือก และเราก็ได้ลิ้มรสชาติที่แสนอร่อย 

มีทั้งเป็ด ซาลาเปา ขนมจีบ บลาๆ อร่อยมากกกกกกกกกก


มายากับคริสตี้

และพอเรากินเสร็จ เราคุยกันว่า ไหนๆ เพื่อนก็พามากินขนาดนี้แล้ว
เราจะเลี้ยงเพื่อนๆ ชาวฮ่องกงของเราเอง แต่ที่ไหนได้
พอพวกเราออกปากไปปุ๊บ พวกนางรีบออกตัวเลย ว่าไม่เป็นไร 
มื้อนี้เราเลี้ยงพวกเธอเอง.. ไว้เราไปเมืองไทย เธอค่อยเลี้ยงพวกเราแล้วกันเนอะ

กรี๊ดดด ซาบซึ้งในน้ำใจเพื่อนมาก 
และตอนหลังอิโอมาบอกว่าแอบเห็นราคา.. ใช่ย่อยเลยล่ะ
เกรงใจก็เกรงใจ แต่เพื่อนไม่ยอมให้เลี้ยงจริงๆ ก็ถือว่าเป็นมื้อดีๆ ในความทรงจำ :)


ต่อจากนั้น เราบอกคริสตี้ว่า เราอยากไปเดิน Mong Kok 
ย่านมงก๊ก ที่ทุกคนที่มา จะต้องไปเพื่อช้อปปิ้ง เธอกับคิมเลยพาเราไปเดิน


ได้ของบ้านไม่ได้บ้าง ดูๆ ไป ชิลๆ 


ถ่ายรูปเล่นกัน 


เซลฟี่กันตลอดเวววววลา
เราเดินกันประมาณชั่วโมงนึง คริสตี้และคิมก็ต้องขอลา 
เพราะเธอไม่ค่อยสบาย และก็ต้องกลับบ้านไปนอน ตื่นไปทำงาน
ลืมบอกไปว่า คริสตี้กับคิม ทำงานที่ดิสนีย์แลนด์ค่ะ กรี๊ดดดดด
คริสตี้ออกมาทำเป็นพาร์ทไทม์แทน แต่คิม ยังทำประจำอยู่

ตอนที่เรายังอยู่ไทย เราถามคริสตี้เรื่องตั๋ว 
นางบอกว่า เพื่อนเราซื้อให้ได้ลด 10 เปอรี์เซนต์ โอยยแค่นั้นก็ดีใจแล้ว
แต่พอตอนหลัง นางมาบอกอีกทีว่า..

เพื่อนเราพาเข้าฟรีได้นะ ทั้งสามคนเลย

กรี๊ดดดดดค่ะ เหมือนถูกหวย
ได้เข้าดิสนีย์แลนด์ฟรี!!!!!!!!!!!! 

ใช่เลย แล้วก่อนจะแยกย้าย เราก็นัดกันกับคิม ว่าพรุ่งนี้จะเจอกันกี่โมง
ที่ดิสนีย์แลนด์ ตกลงว่า 10 โมงนะ เพราะเราเข้างาน 10:30 คิมบอก


และนี่ก็คือสิ่งที่เราได้มาจาก หม่งก๊ก <3 

ปิดท้ายด้วยเรื่องเล่าชวนขนหัวลุก..
ไม่ใช่เรื่องสยองอะไรเลย แต่คือเป็นเรื่องที่สิ้นมาก
เพราะว่าก่อนเราจะเข้าที่พัก เราไปซื้อเบียร์ ซื้อมาม่ากันมากิน 
และพอเราจะกินมาม่า ปรากฏว่า ไม่มีส้อมค่ะ ฝัด! 
ไม่มีส้อมแล้วกูจะกินยังไง ตอบ! อิแพรเลยอาสาเดินออกไปขอป้าที่เกสเฮาส์

ปรากฏว่าป้าหลับแล้ว (เออก็มันดึกแล้ว เสือกหิวตอนดึก)
เลยหาๆ ดู ไม่มีส้อม ล้องห้ายยยยยย
เราเลยอแดปท์เอาเองด้วยความฉลาดหลักแหลม
ด้วยการใช่....


แปรงสีฟันค่ะ

ใช่ค่ะ แปรงสีฟันที่เค้าให้มา แบบที่ยังไม่ใช้น่ะแหละ
ทีแรกที่มีคนออกไอเดีย (จำไม่ได้ว่าเราหรืออีโอ) ทุกคนก็เอ่อะนิดนึง
แต่ช่วยไม่ได้ มันกินไม่ได้จริงๆ มันต้องหาทาง
แล้วเราก็ลงเอยด้วยแปรงสีฟัน

ที่ด้ามไม่เท่าไหร่ แต่ความคิดเรา.. หรืออีแพรนี่แหละ
ที่ริอาจ เอาด้านหัวแปรงลงไปกิน....
มันช่างสยองมาก และฮาสัสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในเวลาเดียวกัน

55555555555555555555555555555
55555555555555555555555555555555555555
5555555555555555555555
55555555555
555555

ฮาจนไม่รู้จะเอาอะไรฮา คือตอนนั้นมันฮามาก 
คิดดูว่าเอาด้านหัวแปรงไปกิน แล้วคือ มาม่ามีสาหร่าย พอเห็นภาพว่า
สาหร่ายติดแปรงสีฟัน เราก็ไม่อยากแดกแล้วปะคะ แต่เราต้องแดก
เพื่อความอยู่รอด.... ถถถถถถถถถถถ

ก็.. สิ้นๆ กันไปอะเนอะพวกเรา


นี่คือหน้าของพวกเรา ที่แสนจะเอร็ดอร่อยกับมาม่าแปรงสีฟัน..
ที่จริงมีคลิป แต่ไม่ได้เอามาลง เอาเป็นว่าไว้ก่อนแล้วกัน

วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อน
ตอนต่อไปอย่าพลาด เพราะมีเรื่องที่ Disneyland มาเล่าให้ฟัง
สนุก มันส์ และน่ารักมากกกกกกกกกกก กรี๊ดดดด 


You Might Also Like

3 comments

  1. เที่ยวกันครบรสชาติดีนะ 5555

    ReplyDelete
  2. Likeรัวๆ แต่ เอ่อะ!สิ้นมาม่าแปรงสีฟันแพบบบบ

    ReplyDelete
  3. มาอ่านละนะที่รัก

    ReplyDelete