kids are full of dreams 1

May 15, 2011

เมื่อวันที่ 12-14 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปค่ายศิลปะเด็ก
ของทางมูลนิธิเด็กจัดขึ้น เป็นค่ายที่จัดให้น้องๆจากหมู่บ้านเด็ก
ที่จังหวัดกาญจน์ ตอนแรกที่รู้ว่าจะต้องมาค่ายครั้งนี้ ก็แอบรู้สึกว่า
เด็กเนี่ยนะ? เราจะทำงานกับเด็กได้เหรอ ถึงจะเรียนวรรณกรรมเด็ก
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราคุ้นเคยกับเด็กสักเท่าไหร่
ไม่เคยสนใจเด็กมาก่อนเลยด้วยซ้ำ แล้วเราจะไหวมั้ยเนี่ย?

แต่พอมาถึงวันจริงๆแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะ
รู้สึกว่านี่คงจะเป็นอีกตอนนึงของชีวิต ที่เราจะต้องพบเจอกับอะไรใหม่ๆ
ที่เราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน น้องๆมากัน 14 คน น่ารักกันมาก
บรรยากาศในค่ายก็เป็นกันเอง เด็กๆก็มีดื้อมีซนบ้างตามประสา
แต่เด็กๆพูดรู้เรื่อง ทำอะไรเองเป็น ฉลาด และมีความคิดสร้างสรรค์มาก





คือไม่รู้จะเขียนอะไรดีอ่ะ แต่คิดมานานแ้ล้วว่าอยากเขียนเรื่องนี้
เพราะมันเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ และจะไม่มีวันเอาความทรงจำอื่นๆ
มาลบเลือนไปได้เลย เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าบนโลกนี้ ในประเทศแห่งนี้
ยังมีอีกหลายสิ่ง หลายมุม หลายคน ที่มีอะไรไม่เหมือนเรา มีอะไรที่
แตกต่าง ใช้ชีวิตอย่างแตกต่าง หลายๆอย่าง บอกไม่ถูก
เด็กๆ พวกนี้ยังต้องเจออะไรอีกมากบนโลกนี้ เราเองก็ไม่ได้โตอะไรมากหรอก
แต่อย่างน้อยก็โตกว่าพวกเด็กๆ และเมื่อเรามองจากมุมนี้ เราดูแลเค้า
เราก็อยากจะให้เค้าเติบโตไปพบเจอแต่สิ่งดีๆ ประสบความสำเร็จ
ค้นหาความฝันและสิ่งที่อยากทำให้เจอ

คืนที่สองของค่าย เด็กชายตัวเล็กคนนึงที่ตามติดเราไปดูนู่นดูนี่
ตั้งแต่ตอนไปดูวัดที่อยุธยาของช่วงบ่าย ชวนให้ไปนอนข้างๆ
จัดที่นอนไว้อย่างดี ขนาดเรามัวโอ้เอ้ คุยเมาท์แตก บลาๆ อาบน้ำก็ช้า
แถมยังจะเป่าผมอีก พอขึ้นไป น้องก็ยังรออยู่
และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องนอนกัน เด็กๆก็ยังคุยกันอยู่ไม่ยอมนอน
เด็กชายตัวเล็กคนนี้ อยู่ๆก็เล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้ฟัง
มันเป็นเรื่องราวที่ไม่ว่าใครก็คงจะไม่สามารถคาดได้ ว่าเด็กตัวเล็กๆ
อายุแค่ 9 ขวบ จะมาเล่าเรื่องที่พ่อของเขาตบตี ทำร้ายแม่ ทำร้ายเขา
และเล่าถึงเหตุการณ์ที่แม่หนีออกจากบ้าน เล่าว่าเขาฝันร้ายอยู่บ่อยๆ
ว่าพ่อฆ่าแม่...

นี่หรือคำพูดจากปากเด็ก 9 ขวบตาดำๆ
เมื่อได้ยินแบบนี้ทำให้รู้สึกเศร้าใจมาก มันรู้สึกเจ็บปวดข้างในบอกไม่ถูก
เด็กที่ร่าเริงอยู่ตลอดเวลา เป็นขวัญใจผู้ใหญ่หลายๆคนแบบนี้เนี่ยนะ?
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับเขาจริงๆ
และพอเรามองไปที่เด็กๆอีกสิบกว่าคนที่เหลือ บางคนก็เป็นตัวแสบ
และดื้ออยู่พอสมควร ไม่อยากจะนึกว่าพวกเขาเจออะไรกันมาบ้าง...

นี่มันคือมุมหนึ่งที่เราไม่เคยเจอเลย
ไม่เคยเลยจริงๆ



วันนี้เขียนอะไรไม่ค่อยออก อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเลย เอาเหอะ
พูดถึงเรื่องเด็กชายตัวเล็ก ก็มาถึงเรื่องเด็กหญิงตัวน้อยมั่งดีกว่า
แนนซี่ เด็กหญิงตัวแสบที่อยู่ๆ เราก็ไปเป็นพี่เลี้ยงประกบตลอดเวลาซะงั้น
และงานศิลปะแทบทุกชิ้นที่ออกมาเนี่ย มันช่างเหมือนงานเราเหลือเกิน ๕๕๕
ไม่แปลกเลย เวลามองไปที่พี่ๆคนอื่น งานแต่ละงานก็มักจะมีความเป็น
พี่คนนั้นแฝงมาในงานด้วย คล้ายๆกับเราเป็น producer แล้วให้ศิลปินทำงาน
มันก็ต้องมีส่วนที่เป็นเราออกมาบ้างแหละน่า 555
แนนซี่ที่แรกเหมือนจะกวนตีนเล็กน้อย ประมาณว่า เราบอกให้แนนซี่
ลงสีตรงนี้นะ แนนซี่ก็จะบอกว่า ก็ลงในนี้สิพี่ ไม่งั้นจะที่ไหนล่ะ
เอ้า นี่กวนตีนเหรอเนี่ย ๕๕ แต่ไปๆมาๆก็จะรู้ว่า ที่จริงแนนซี่ก็พูดไปแบบนั้น
จริงๆเป็นเด็กที่่น่ารักที่ยังคงอยากจะช่วยทำงานต่อไปอีก ๕๕

ส่วนอีกคนที่เราชอบแอบเนียนไปดูอยู่เรื่อยๆก็คือน้องเดฟ
เดฟเป็นเด็กที่เราถูกใจมาก เห็นแวบแรกก็ถูกใจเลย ชอบมาก
แถมยังหน้าเหมือนหลุยส์อีกต่างหาก แววตา ท่าทาง เหมือนมาก
แต่เดฟเป็นคนที่ดูขรึมๆ ซ่าบ้างบางเวลา แต่ไม่ค่อยซน
บางทีเดฟไม่อยากฟัง ก็ไม่ฟัง ไม่อยากวาด ก็ไม่วาด อารมณ์ประมาณว่า
ค่อนข้างติสท์พอตัว แต่เราก็ชอบไปคุยด้วย ไปวาดรูป ไปเล่นด้วย
จนเดฟมาหาเราทีหลัง แล้วบอกว่า พรุ่งนี้ช่วยหนูวาดรูปต่อนะ :)

แล้วเดฟก็ชอบเล่าเรื่อง
เราชอบนั่งฟังเด็กๆเล่าเรื่องของเค้า เรื่องที่สนุกๆของเค้า
ถึงบางทีเราจะรู้แล้วก็เหอะ ประมาณว่า ไม่ต้องเล่าแบบนี้ก็รู้
ว่ามันจะเป็นยังไง แต่ด้วยแววตา สีหน้า ท่าทางที่สุดจะภูมิใจ
ก็เลยต้องฟัง เพราะมันน่าฟังมากจากปากของเด็กๆ





ผลงานเดฟที่แอบไปช่วยตอนแรก
ตอนหลังพี่เมช่วย อิอิ



นี่คืองานของแนนซี่ !
ที่ออกมาเหมือนงานเราไม่มีผิด (ถ้าเราทำมั่งนะ)

You Might Also Like

0 comments